เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ หนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่สุดคือการควบคุมเพลิงและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งต้องอาศัยความกล้าหาญ ความสามารถเฉพาะด้าน และอุปกรณ์ป้องกันที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ “ชุดดับเพลิง” หรือ PPE ดับเพลิง (Personal Protective Equipment) ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องนักดับเพลิงจากความร้อนสูง เปลวไฟ ควันพิษ และวัตถุอันตรายต่าง ๆ ที่พบในที่เกิดเหตุ
ส่วนประกอบของชุดดับเพลิง มีอะไรบ้าง
ชุดดับเพลิงมาตรฐานจะประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก 5 ชิ้น ได้แก่:
1. หมวกนิรภัยดับเพลิง (Fire Helmet)
หมวกนิรภัย สำหรับนักดับเพลิงถูกออกแบบให้ทนความร้อนสูง ป้องกันแรงกระแทก และมีฉนวนไฟฟ้า ส่วนมากทำจากวัสดุไฟเบอร์กลาสหรือโพลีคาร์บอเนต มีแผ่นกันหน้า (Face Shield) และแผ่นกันคอ (Neck Protector) เพื่อป้องกันสะเก็ดไฟและของเหลวอันตราย
2. เสื้อและกางเกงกันไฟ (Firefighting Turnout/Bunker Gear)
เป็นชุดหลักของนักดับเพลิง ซึ่งประกอบด้วยชั้นผ้า 3 ชั้น ได้แก่:
-
ชั้นนอก (Outer Shell): ทำจากวัสดุกันเปลวไฟ เช่น Kevlar, Nomex หรือ PBI
-
ชั้นกันความชื้น (Moisture Barrier): ป้องกันการซึมผ่านของไอน้ำและของเหลว
-
ชั้นฉนวนความร้อน (Thermal Barrier): ช่วยลดการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ร่างกาย
3. ถุงมือกันความร้อน (Firefighting Gloves)
ถุงมือดับเพลิงควรมีคุณสมบัติ:
-
กันไฟและความร้อน
-
ยืดหยุ่นในการจับสิ่งของ
-
ป้องกันสารเคมีหรือของมีคม
4. รองเท้าบู๊ตกันไฟ (Firefighting Boots)
รองเท้าบู๊ตดับเพลิงทำจากวัสดุทนความร้อน เช่น ยางหรือหนังแท้ เสริมแผ่นเหล็กบริเวณหัวรองเท้า (Steel Toe Cap) และพื้นรองเท้ากันลื่น (Slip-Resistant Sole) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในที่อันตราย
5. เครื่องช่วยหายใจแบบใช้อากาศอัด (SCBA – Self-Contained Breathing Apparatus)
อุปกรณ์สำคัญที่ให้อากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่มีควันหรือขาดออกซิเจน ซึ่งประกอบด้วยถังอากาศ, หน้ากาก และเครื่องควบคุมแรงดัน
มาตรฐานสากลของชุดดับเพลิง
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ชุดดับเพลิงต้องผ่านการรับรองตามมาตรฐานสากลที่เข้มงวด ได้แก่:
มาตรฐาน NFPA (National Fire Protection Association – สหรัฐอเมริกา)
มาตรฐานสำคัญ ได้แก่:
-
NFPA 1971 – มาตรฐานสำหรับชุดป้องกันผู้ดับเพลิงในภารกิจโครงสร้าง
-
NFPA 1977 – สำหรับภารกิจดับเพลิงป่า
-
NFPA 1851 – แนวทางการตรวจสอบและซ่อมบำรุงชุด PPE ดับเพลิง
มาตรฐาน EN (European Norms – ยุโรป)
มาตรฐานชุดดับเพลิงที่สำคัญ ได้แก่:
-
EN 469 – ชุดดับเพลิงสำหรับการดับเพลิงโครงสร้าง
-
EN 659 – ถุงมือดับเพลิง
-
EN 443 – หมวกนิรภัยสำหรับนักดับเพลิง
วิธีการเลือกใช้ชุดดับเพลิงตามประเภทของงาน
ประเภทของงานดับเพลิงมีความหลากหลาย ส่งผลต่อการเลือกใช้ชุด PPE ที่แตกต่างกัน ดังนี้:
ประเภทงานดับเพลิง | ลักษณะชุดที่เหมาะสม |
---|---|
ดับเพลิงในอาคาร | ชุด NFPA 1971 หรือ EN 469 พร้อม SCBA |
ดับเพลิงป่าไม้ | ชุดเบา ระบายอากาศดี ตาม NFPA 1977 หรือ EN ISO 15384 |
ดับเพลิงสารเคมี | ต้องใช้ชุดป้องกันระดับสูง Chemical Suit พร้อมระบบอากาศบริสุทธิ์ |
กู้ภัยอัคคีภัยในพื้นที่แคบ | ชุดเบา เคลื่อนไหวง่าย แต่ยังคงมาตรฐานกันไฟ |

วิธีการดูแลรักษา PPE ดับเพลิง
ชุดดับเพลิงที่ใช้งานต้องได้รับการดูแลและบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณสมบัติในการป้องกัน:
1. การซักและทำความสะอาด
-
ซักด้วยเครื่องซักผ้าชนิดเฉพาะ หรือซักมือด้วยน้ำเย็นและผงซักฟอกชนิดอ่อน
-
หลีกเลี่ยงน้ำยาฟอกขาวหรือสารเคมีรุนแรง
2. ตรวจสอบความเสียหาย
-
ตรวจสอบรอยขาด เปื่อย หรือรอยไหม้เป็นประจำ
-
เช็กความสมบูรณ์ของชั้นกันความชื้นและซิป
3. วิธีจัดเก็บ
-
เก็บในที่แห้ง อากาศถ่ายเทได้ดี ห่างจากแสงแดดโดยตรง
-
ไม่ควรแขวนไว้ในพื้นที่ที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน
4. เมื่อไหร่ถึงเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่
-
ชุดที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพควรถูกปลดระวางทันที
-
อ้างอิงตามแนวทาง NFPA 1851 สำหรับการเปลี่ยนชุด
สรุป
ชุดดับเพลิงและอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE ดับเพลิง) เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีคุณภาพและผ่านการรับรองมาตรฐานสากล เช่น NFPA และ EN เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถปกป้องนักดับเพลิงจากอันตรายต่าง ๆ ได้ การเลือกใช้และดูแลรักษาชุด PPE อย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังเป็นการรับรองความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย
อ้างอิง
-
National Fire Protection Association (NFPA). (2024). NFPA 1971: Standard on Protective Ensembles for Structural Fire Fighting and Proximity Fire Fighting.
-
European Committee for Standardization. (2023). EN 469: Protective clothing for firefighters.
-
FireRescue1. (2022). Understanding firefighter PPE and turnout gear.
-
International Association of Fire Chiefs. (2023). Guidelines for PPE maintenance and selection.