ในอุตสาหกรรมที่มีการดำเนินงานเกี่ยวข้องกับโลหะ ความร้อน หรือเปลวไฟ เช่น งานเชื่อม งานตัด งานเจียร งานบัดกรี ฯลฯ ล้วนเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หรือระเบิด หากไม่มีการควบคุมและกำกับอย่างเหมาะสม ความเสี่ยงอาจนำไปสู่การสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และชื่อเสียงขององค์กร ดังนั้นจึงมีการกำหนดระบบอนุญาตทำงานอันตราย หรือที่เรียกว่า Hot Work Permit รวมถึงข้อกำหนดในการจัดให้มี ผู้เฝ้าระวังไฟ (Fire Watch) ขณะทำงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดอุบัติเหตุจากงานประเภทนี้
ความหมายของ Hot Work และ Hot Work Permit
Hot Work คืออะไร?
Hot Work หมายถึง งานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ความร้อน เปลวไฟ หรือสร้างประกายไฟ ที่มีศักยภาพก่อให้เกิดเพลิงไหม้หรือระเบิดได้ ตัวอย่างงานที่เข้าข่าย Hot Work ได้แก่:
-
งานเชื่อมโลหะ (Welding)
-
งานตัดด้วยแก๊สหรือลวดความร้อน (Cutting)
-
งานเจียรหรือตะไบด้วยไฟฟ้า (Grinding)
-
งานบัดกรี (Soldering)
-
งานใช้ปืนความร้อน (Heat Gun)
-
งานเปิดหน้าบ่อหรืองานในที่อับอากาศร่วมกับความร้อน
Hot Work Permit คืออะไร?
Hot Work Permit คือ เอกสารการอนุญาตทำงานที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดเพลิงไหม้ โดยออกให้โดยผู้มีอำนาจขององค์กรหลังจากตรวจสอบแล้วว่าได้มีการควบคุมอันตรายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในเอกสารจะระบุ:
-
รายละเอียดของงานที่จะดำเนินการ
-
สถานที่ทำงาน
-
วันที่และเวลาที่ทำงาน
-
ชื่อผู้ปฏิบัติงาน และผู้เฝ้าระวังไฟ
-
รายการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนเริ่มงาน (Checklist)
-
อุปกรณ์ควบคุมเพลิงที่เตรียมพร้อมไว้
-
ผู้อนุญาตออกใบอนุญาตการทำงานกับความร้อน
องค์ประกอบของ Hot Work Permit
Hot Work Permit ที่ดีควรประกอบด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้:
องค์ประกอบ | รายละเอียด |
---|---|
รายละเอียดงาน | ระบุชนิดของ Hot Work เช่น เชื่อม เจียร ตัด |
สถานที่ | ระบุพื้นที่ที่จะดำเนินการอย่างชัดเจน |
ความเสี่ยงในพื้นที่ | ตรวจสอบสารไวไฟ หรือวัสดุที่ติดไฟได้ |
การเตรียมพื้นที่ | การเคลื่อนย้ายสิ่งของไวไฟ การทำฉนวนป้องกัน |
อุปกรณ์ควบคุมเพลิง | เช่น ถังดับเพลิง Blanket ฉนวนกันไฟ |
ผู้เฝ้าระวังไฟ | ระบุชื่อ-ตำแหน่ง ผู้รับผิดชอบเฝ้าระวัง |
ระยะเวลาความคุ้มครอง | บางองค์กรให้เฝ้าต่อเนื่อง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหลังงานเสร็จ |
การอนุมัติ | ลายเซ็นของหัวหน้างานหรือผู้มีอำนาจ |
เหตุผลที่ต้องมีผู้เฝ้าระวังไฟ (Fire Watch)
1. ความเสี่ยงจากประกายไฟที่อาจลาม
แม้จะมีการควบคุมต้นกำเนิดของประกายไฟแล้ว แต่ในหลายกรณี ไฟไหม้ไม่ได้เริ่มในขณะทำงาน แต่เกิดขึ้นภายหลังเนื่องจากประกายไฟไปตกในวัสดุไวไฟ เช่น ผ้าฉนวน น้ำมัน ขยะ หรือวัสดุติดไฟอื่น ๆ ที่อาจหลงเหลืออยู่
2. งาน Hot Work มักอยู่ในพื้นที่จำกัด
ในบางกรณี งานเชื่อมหรือเจียรดำเนินการในพื้นที่อับอากาศ หรือพื้นที่แคบที่มีการระบายอากาศไม่เพียงพอ การเกิดประกายไฟแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจนำไปสู่การลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และยากต่อการควบคุม
3. ระบบตรวจจับเพลิงไหม้อาจใช้การไม่ได้
ในหลายอุตสาหกรรม ระบบตรวจจับอัคคีภัย เช่น Smoke Detector หรือ Heat Detector อาจถูกปิดชั่วคราวในระหว่าง Hot Work เพื่อป้องกันสัญญาณเตือนผิดพลาด ทำให้ต้องมีคนจริงคอยสังเกตสถานการณ์แทนระบบ
4. ช่วยควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทันที
ผู้เฝ้าระวังไฟมีหน้าที่ตรวจตราอย่างต่อเนื่อง มีถังดับเพลิงติดตัว และผ่านการฝึกดับเพลิงขั้นต้น จึงสามารถเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้รวดเร็ว หากเกิดไฟลุกไหม้เฉียบพลัน
อ่านเพิ่มเติม : หน้าที่ผู้เฝ้าระวังไฟ มีอะไรบ้าง
ตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดจากไม่มีการควบคุมงาน Hot Work
กรณีศึกษาที่มักถูกหยิบยกมาเป็นบทเรียนด้านความปลอดภัย:
เหตุเพลิงไหม้โรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ ปี 2005
เกิดจากประกายไฟจากงานเชื่อมตกใส่ถังน้ำมันที่ยังไม่ได้ทำการตรวจสอบว่าปลอดภัย แม้ผู้เชื่อมมีความชำนาญ แต่ไม่มีผู้เฝ้าระวังไฟและไม่ได้มีระบบ Hot Work Permit อย่างถูกต้อง ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ เสียชีวิต 15 ราย และบาดเจ็บกว่า 180 ราย
เหตุการณ์ในไทย
กรณีงานซ่อมบำรุงตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือในปี 2560 ช่างเชื่อมไม่ได้ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ภายใน ทำให้เกิดระเบิดเสียชีวิตทันที 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย จากการสอบสวนพบว่าไม่มีใบอนุญาต Hot Work Permit และไม่มีผู้เฝ้าระวังไฟ
กฎหมายและมาตรฐานการทำงานกับความร้อน
รวมกฎหมายมาตรฐานการทำงานกับความร้อน หรืองานที่มีประกายไฟ
กฎหมาย/มาตรฐาน | รายละเอียด |
---|---|
พ.ร.บ. ความปลอดภัยฯ พ.ศ. 2554 | นายจ้างต้องประเมินความเสี่ยง และจัดมาตรการควบคุม |
ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน | เรื่อง มาตรฐานความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับความร้อนและงานเชื่อม |
NFPA 51B (Hot Work Safety Standard) | มาตรฐานจาก National Fire Protection Association |
ISO 45001:2018 | ระบบบริหารความปลอดภัยในการทำงาน |
สรุป
Hot Work Permit เป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมงานที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ การมีกระบวนการอนุญาตอย่างเป็นระบบ พร้อมผู้เฝ้าระวังไฟที่ผ่านการอบรมและมีความรับผิดชอบ จะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในสถานประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรจึงไม่ควรละเลยการบังคับใช้ระบบนี้อย่างเข้มงวด
อ้างอิง
-
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน. (2564). แนวทางการทำงานเกี่ยวกับความร้อนอย่างปลอดภัย.
-
National Fire Protection Association. (2021). NFPA 51B: Standard for Fire Prevention during Welding, Cutting, and Other Hot Work.
-
International Organization for Standardization. (2018). ISO 45001:2018 – Occupational health and safety management systems — Requirements with guidance for use.
-
สมาคมความปลอดภัยแห่งประเทศไทย. (2565). คู่มือการควบคุมงานเชื่อมและการเฝ้าระวังไฟ.
-
American Welding Society. (2020). Hot Work Safety Practices.
บทความที่น่าสนใจ
- ผู้เฝ้าระวังไฟจำเป็นไหม รู้กฎหมายทำงานกับความร้อนก่อนเกิดเหตุ
- ผู้เฝ้าระวังไฟที่ผ่านการอบรม กับ ไม่มีการอบรม ต่างกันยังไง