รู้ก่อนทำงานบนที่สูง ทำไมการตรวจสุขภาพจึงสำคัญ

by pam
50 views
ตรวจสุขภาพก่อนทำงานที่สูง

ลองนึกภาพว่าหากคุณต้องปีนขึ้นไปทำงานบนโครงเหล็กสูงหลาย 10 เมตร ลมหอบมาแรง ๆ มือที่จับราวเริ่มชื้นเพราะเหงื่อ แล้วจู่ ๆ ก็เวียนหัวขึ้นมา… ถ้าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง คุณคิดว่ามันจะอันตรายแค่ไหน?

การทำงานบนที่สูงไม่ใช่แค่เรื่องของความกล้า หรือการมีอุปกรณ์ป้องกันครบ แต่เป็นเรื่องของ “ความพร้อมของร่างกาย” ด้วย! ภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือแม้แต่ภาวะเครียดและนอนไม่พอ ล้วนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้แบบไม่ทันตั้งตัว

แม้แต่ก่อนเข้าอบรมหลักสูตรโรยตัวที่สูง หรือหลักสูตรที่สูง เองก็ต้องมีการตรวจสุขภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เข้าอบรมจะมีสุขภาพที่พร้อมในการฝึกภาคปฏิบัติของหลักสูตร ไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรืออันตรายในระหว่างการเรียน ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติผู้เข้าอบรมจะระบุว่า ” ต้องเป้นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงพร้อมฝึกภาคปฏิบัติ”

ดังนั้น การตรวจสุขภาพก่อนและระหว่างการทำงานบนที่สูง จึงไม่ใช่แค่ข้อบังคับของกฎหมาย แต่เป็นเกราะป้องกันชีวิตของคุณเอง มันช่วยให้มั่นใจว่าร่างกายพร้อม ใจพร้อม และปลอดภัย

ทำไมต้องมีการตรวจสุขภาพสำหรับงานที่สูง

1. ประเมินความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ

การทำงานบนที่สูงต้องการความสามารถทางกายภาพและจิตใจที่แข็งแรง ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ การตรวจสุขภาพช่วยให้สามารถประเมินความพร้อมของผู้ปฏิบัติงานได้อย่างแม่นยำ

2. ป้องกันอุบัติเหตุในการทำงาน

การตรวจสุขภาพช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับสภาวะสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การเป็นลมหมดสติขณะทำงาน หรือปัญหาการมองเห็นที่อาจทำให้เกิดการลื่นหรือตกลงมา

3. ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย

หลายประเทศมีกฎหมายและข้อกำหนดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพสำหรับผู้ที่ทำงานบนที่สูง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ  ซึ่งการปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการทำงาน แต่ยังป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้

ทำงานที่สูงตรวจสุขภาพอะไรบ้าง

ตรวจสุขภาพสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่สูง ต้องตรวจอะไรบ้าง

การตรวจสุขภาพสำหรับผู้ที่ทำงานบนที่สูงควรครอบคลุมหลายด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมทั้งทางร่างกาย  ดังนี้:

  1. ตรวจสุขภาพร่างกายโดยแพทย์: เพื่อประเมินความแข็งแรงทั่วไปและตรวจหาความผิดปกติ ที่อาจเป็นอันตรายขณะทำงาน
  2. ตรวจวัดสัญญาณชีพ ชั่งน้ำหนัก-ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย (Vital signs): การวัดความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ น้ำหนัก ส่วนสูง และคำนวณดัชนีมวลกาย เพื่อประเมินสุขภาพพื้นฐาน
  3. การซักประวัติโรคลมชัก (Taking History of Epilepsy): การสอบถามประวัติการเป็นลมชักหรือโรคที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
  4. การตรวจเอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-Ray): เพื่อประเมินสุขภาพของปอดและหัวใจ รวมถึงการตรวจหาความผิดปกติที่อาจมีผลต่อการทำงานในที่สูง
  5. การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจ (ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG): เพื่อตรวจหาความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ ที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาระหว่างทำงาน
  6. ตรวจสมรรถภาพกล้ามเนื้อมือ ขา หลัง: การทดสอบความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ซึ่งมีความสำคัญต่อการทรงตัวและการเคลื่อนไหวอย่างปลอดภัย
  7. การตรวจเลือดดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC): เพื่อตรวจหาความผิดปกติของระบบโลหิต เช่น ภาวะโลหิตจาง ที่อาจมีผลต่อความสามารถในการทำงาน
  8. การตรวจดูระดับน้ำตาลในเลือด (FBS): เพื่อตรวจหาค่าระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระดับน้ำตาลอาจเสี่ยงต่อการหมดสติขณะทำงาน

อาชีพที่ต้องตรวจสุขภาพสำหรับการทำงานที่สูง

การทำงานบนที่สูงไม่จำกัดเพียงแค่การปีนป่ายหรือทำงานบนโครงสร้างสูงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมอาชีพหลากหลายที่ต้องปฏิบัติงาน ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยง :

  • ช่างติดตั้งเสาโทรคมนาคม: ต้องปีนขึ้นไปติดตั้งหรือซ่อมแซมอุปกรณ์บนเสาสูง
  • ช่างซ่อมบำรุงอาคารสูง: ทำงานบนหลังคา หน้าต่าง หรือโครงสร้างสูงของอาคาร
  • ช่างไฟฟ้าแรงสูง: ต้องทำงานบนเสาไฟฟ้าหรือโครงข่ายไฟฟ้าที่สูงจากพื้นดิน
  • พนักงานทำความสะอาดกระจกอาคารสูง: ต้องทำงานบนแพลตฟอร์มหรือเชือกโรยตัวจากที่สูง
  • ผู้ปฏิบัติงานก่อสร้างโครงสร้างสูง: เช่น สะพาน อาคารสูง หรือหอคอย
  • นักปีนเขา หรือเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนภูเขา: ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายและความสูงที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ที่สูง

ผลกระทบของสุขภาพที่ไม่เหมาะสมต่อการทำงานที่สูง

1. ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

สุขภาพที่ไม่เหมาะสมสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมาก เช่น ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงอาจเป็นลมขณะทำงาน หรือผู้ที่มีปัญหาการมองเห็นอาจไม่สามารถระบุความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง

2. ลดประสิทธิภาพในการทำงาน

สุขภาพที่ไม่ดีสามารถลดประสิทธิภาพในการทำงานได้ ผู้ปฏิบัติงานที่รู้สึกเหนื่อยล้าหรือไม่สบายอาจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของทั้งตนเองและเพื่อนร่วมงาน

3. เพิ่มภาระทางการเงินและเวลา

หากเกิดอุบัติเหตุจากสุขภาพที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมถึงการหยุดงานชั่วคราว ซึ่งอาจกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร

หลังการตรวจสุขภาพเสร็จ ต้องทำยังไงบ้าง

1. ทำตามคำแนะนำและการดูแลสุขภาพ

หากพบว่าผู้ปฏิบัติงานมีปัญหาสุขภาพ ควรมีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในอนาคต

2. ติดตามผลและการตรวจสุขภาพประจำปี

การตรวจสุขภาพไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่ควรมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หรือเมื่อต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้มั่นใจว่าสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานยังคงอยู่ในสภาพที่เหมาะสม

สรุป

การตรวจสุขภาพสำหรับการทำงานบนที่สูงเป็นกระบวนการที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมในการทำงานอย่างปลอดภัย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ ที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน การปฏิบัติตามมาตรการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กร และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวม

ทำงานบนที่สูง ไม่ใช่แค่กล้า แต่สุขภาพต้องไหว!


บทความที่น่าสนใจ

เรื่องที่น่าสนใจ

เซฟตี้ .COM ผู้ให้บริการครบวงจรด้านความปลอดภัยในการทำงาน อบรมความปลอดภัย และ ตรวจรับรองวิศวกรรมในโรงงานอุตสาหกรรม

เพิ่มเพื่อน

Copyright @2025  เซฟตี้.com . Developed website and SEO by iPLANDIT