ลองนึกภาพว่าหากคุณต้องปีนขึ้นไปทำงานบนโครงเหล็กสูงหลาย 10 เมตร ลมหอบมาแรง ๆ มือที่จับราวเริ่มชื้นเพราะเหงื่อ แล้วจู่ ๆ ก็เวียนหัวขึ้นมา… ถ้าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง คุณคิดว่ามันจะอันตรายแค่ไหน?
การทำงานบนที่สูงไม่ใช่แค่เรื่องของความกล้า หรือการมีอุปกรณ์ป้องกันครบ แต่เป็นเรื่องของ “ความพร้อมของร่างกาย” ด้วย! ภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือแม้แต่ภาวะเครียดและนอนไม่พอ ล้วนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้แบบไม่ทันตั้งตัว
แม้แต่ก่อนเข้าอบรมหลักสูตรโรยตัวที่สูง หรือหลักสูตรที่สูง เองก็ต้องมีการตรวจสุขภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้เข้าอบรมจะมีสุขภาพที่พร้อมในการฝึกภาคปฏิบัติของหลักสูตร ไม่ก่อให้เกิดปัญหาหรืออันตรายในระหว่างการเรียน ซึ่งเราก็จะเห็นได้ว่าคุณสมบัติผู้เข้าอบรมจะระบุว่า ” ต้องเป้นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงพร้อมฝึกภาคปฏิบัติ”
ดังนั้น การตรวจสุขภาพก่อนและระหว่างการทำงานบนที่สูง จึงไม่ใช่แค่ข้อบังคับของกฎหมาย แต่เป็นเกราะป้องกันชีวิตของคุณเอง มันช่วยให้มั่นใจว่าร่างกายพร้อม ใจพร้อม และปลอดภัย
ทำไมต้องมีการตรวจสุขภาพสำหรับงานที่สูง
1. ประเมินความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ
การทำงานบนที่สูงต้องการความสามารถทางกายภาพและจิตใจที่แข็งแรง ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัว อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ การตรวจสุขภาพช่วยให้สามารถประเมินความพร้อมของผู้ปฏิบัติงานได้อย่างแม่นยำ
2. ป้องกันอุบัติเหตุในการทำงาน
การตรวจสุขภาพช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับสภาวะสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การเป็นลมหมดสติขณะทำงาน หรือปัญหาการมองเห็นที่อาจทำให้เกิดการลื่นหรือตกลงมา
3. ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานความปลอดภัย
หลายประเทศมีกฎหมายและข้อกำหนดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพสำหรับผู้ที่ทำงานบนที่สูง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งการปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการทำงาน แต่ยังป้องกันปัญหาทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นได้
ตรวจสุขภาพสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่สูง ต้องตรวจอะไรบ้าง
การตรวจสุขภาพสำหรับผู้ที่ทำงานบนที่สูงควรครอบคลุมหลายด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมทั้งทางร่างกาย ดังนี้:
- ตรวจสุขภาพร่างกายโดยแพทย์: เพื่อประเมินความแข็งแรงทั่วไปและตรวจหาความผิดปกติ ที่อาจเป็นอันตรายขณะทำงาน
- ตรวจวัดสัญญาณชีพ ชั่งน้ำหนัก-ส่วนสูง ดัชนีมวลกาย (Vital signs): การวัดความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ น้ำหนัก ส่วนสูง และคำนวณดัชนีมวลกาย เพื่อประเมินสุขภาพพื้นฐาน
- การซักประวัติโรคลมชัก (Taking History of Epilepsy): การสอบถามประวัติการเป็นลมชักหรือโรคที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
- การตรวจเอกซเรย์ทรวงอก (Chest X-Ray): เพื่อประเมินสุขภาพของปอดและหัวใจ รวมถึงการตรวจหาความผิดปกติที่อาจมีผลต่อการทำงานในที่สูง
- การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจ (ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG): เพื่อตรวจหาความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ ที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาระหว่างทำงาน
- ตรวจสมรรถภาพกล้ามเนื้อมือ ขา หลัง: การทดสอบความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ ซึ่งมีความสำคัญต่อการทรงตัวและการเคลื่อนไหวอย่างปลอดภัย
- การตรวจเลือดดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC): เพื่อตรวจหาความผิดปกติของระบบโลหิต เช่น ภาวะโลหิตจาง ที่อาจมีผลต่อความสามารถในการทำงาน
- การตรวจดูระดับน้ำตาลในเลือด (FBS): เพื่อตรวจหาค่าระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระดับน้ำตาลอาจเสี่ยงต่อการหมดสติขณะทำงาน
อาชีพที่ต้องตรวจสุขภาพสำหรับการทำงานที่สูง
การทำงานบนที่สูงไม่จำกัดเพียงแค่การปีนป่ายหรือทำงานบนโครงสร้างสูงเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมอาชีพหลากหลายที่ต้องปฏิบัติงาน ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยง :
- ช่างติดตั้งเสาโทรคมนาคม: ต้องปีนขึ้นไปติดตั้งหรือซ่อมแซมอุปกรณ์บนเสาสูง
- ช่างซ่อมบำรุงอาคารสูง: ทำงานบนหลังคา หน้าต่าง หรือโครงสร้างสูงของอาคาร
- ช่างไฟฟ้าแรงสูง: ต้องทำงานบนเสาไฟฟ้าหรือโครงข่ายไฟฟ้าที่สูงจากพื้นดิน
- พนักงานทำความสะอาดกระจกอาคารสูง: ต้องทำงานบนแพลตฟอร์มหรือเชือกโรยตัวจากที่สูง
- ผู้ปฏิบัติงานก่อสร้างโครงสร้างสูง: เช่น สะพาน อาคารสูง หรือหอคอย
- นักปีนเขา หรือเจ้าหน้าที่กู้ภัยบนภูเขา: ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายและความสูงที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
ผลกระทบของสุขภาพที่ไม่เหมาะสมต่อการทำงานที่สูง
1. ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
สุขภาพที่ไม่เหมาะสมสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมาก เช่น ผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงอาจเป็นลมขณะทำงาน หรือผู้ที่มีปัญหาการมองเห็นอาจไม่สามารถระบุความเสี่ยงได้อย่างถูกต้อง
2. ลดประสิทธิภาพในการทำงาน
สุขภาพที่ไม่ดีสามารถลดประสิทธิภาพในการทำงานได้ ผู้ปฏิบัติงานที่รู้สึกเหนื่อยล้าหรือไม่สบายอาจไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อความปลอดภัยของทั้งตนเองและเพื่อนร่วมงาน
3. เพิ่มภาระทางการเงินและเวลา
หากเกิดอุบัติเหตุจากสุขภาพที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลให้ต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล รวมถึงการหยุดงานชั่วคราว ซึ่งอาจกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร
หลังการตรวจสุขภาพเสร็จ ต้องทำยังไงบ้าง
1. ทำตามคำแนะนำและการดูแลสุขภาพ
หากพบว่าผู้ปฏิบัติงานมีปัญหาสุขภาพ ควรมีการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในอนาคต
2. ติดตามผลและการตรวจสุขภาพประจำปี
การตรวจสุขภาพไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่ควรมีการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี หรือเมื่อต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้มั่นใจว่าสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานยังคงอยู่ในสภาพที่เหมาะสม
สรุป
การตรวจสุขภาพสำหรับการทำงานบนที่สูงเป็นกระบวนการที่สำคัญและไม่ควรมองข้าม เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีความพร้อมในการทำงานอย่างปลอดภัย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุ ที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน การปฏิบัติตามมาตรการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กร และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวม
ทำงานบนที่สูง ไม่ใช่แค่กล้า แต่สุขภาพต้องไหว!
บทความที่น่าสนใจ
- อุปกรณ์โรยตัวที่ควรมี สำหรับมือใหม่และมือโปร
- ระบบเชือก 2 เส้นคืออะไร
- ความปลอดภัยในการทำงาน หมายถึงอะไร